ผลกำไรไตรมาส 4/57 ตรงตามคาด
TISCO รายงานผลกำไรไตรมาส 4/57 ที่ 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% และ 13% QoQ ต่ำกว่าคาดการณ์ของเรา 3% แต่สูงกว่าคาดการณ์ Bloomberg 9% กำไรจากการดำเนินงานที่ไม่รวมสำรองหนี้เสีย (PPOP) อยู่ที่ 2.46 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% และ 4% QoQ กำไรปี 2557 คิดเป็น 99% ของประมาณการกำไรปี 2557 ของเราที่ 4.3 พันล้านบาท
ประเด็นหลักจากผลประกอบการ
สินเชื่อหดตัว 1.8% ค่อนข้างตรงตามประมาณการณ์ของเรา หากแบ่งตามประเภท สินเชื่อรายย่อย (โดยหลักสินเชื่อเช่าสำหรับซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์) ลดลง 2.4% สินเชื่อ SME ลดลง 2.6% และสินเชื่อบรรษัทลดลง 0.6% ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสินเชื่อที่ลดลงมาจาก SME ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ (car dealer) และรายย่อย สินเชื่อที่ลดลงทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบื้ยลดลง เป็น 3.05% (แต่เพิ่มขึ้นมากจาก 2.58% ในไตรมาส 4/56 จากต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลงมากกว่าดอกเบี้ยเงินกู้)
ธนาคารตั้งสำรองหนี้สูญฯน้อยลงมากที่ 883 ล้านบาทสำหรับไตรมาส 4/57 ลดลง 45% และ 23% ซึ่งสะท้อนขาดทุนจากรถยนต์ที่ถูกยึดและประมูลขายในระหว่างไตรมาส ซึ่งก่อนหน้าเราคาดว่าธนาคารจะตั้งสำรองหนี้สูญฯที่ 956 ล้านบาท สัดส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 2.57% ณ สิ้นปี 2557 จาก 2.35% สามเดือนก่อนหน้า อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสมต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารอยู่ที่ 103% ณ สิ้นปี 2557 ลดลงเล็กน้อยจาก 106% ณ สิ้นเดือนก.ย. ทั้งนี้ รายได้จากค่าธรรมเนียมไตรมาส 4/57 อยู่ที่ 1.24 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% แต่ลดลง 3%
แนวโน้ม
ผู้บริหารแนะสินเชื่อรวมเติบโต 5% ในปีนี้ หนุนโดยสินเชื่อบรรษัทและสินเชื่อ SME เรามองว่ามีความเสี่ยงเล็กน้อยที่จะต่ำกว่าเป้าดังกล่าว
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป
เรายังคงประมาณการกำไรปี 2558 ไว้ที่ 4.75 พันล้านบาท อีกทั้งเรายังคาดว่ากำไรไตรมาส 1/58 จะเติบโตหนุนโดยตั้งสำรองหนี้สูญฯที่ลดลงและสินเชื่อที่กลับมาเติบโต
คำแนะนำ
เราคาดว่าสินเชื่อ SME สินเชื่อบรรษัท และสินเชื่อส่วนบุคคลจะเติบโตในปีนี้เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว เรายังมองว่าตั้งสำรองหนี้สูญฯของ TISCO จะลดลง 11% ในปี 2558 จากแนวโน้มที่ดีขึ้น เราได้ปรับ PBV ณ สิ้นปี 2558 จาก 1.2 เท่า เป็นค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.45 เท่า ส่งผลให้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 51 บาท ดังนั้น เราจึงปรับคำแนะนำขึ้นจาก ถือ เป็น ซื้อ