ยอดจองซื้อ “สุขกันเถอะเรา” ได้แค่ 5 หมื่นล้าน

ยอดจองซื้อ “สุขกันเถอะเรา” ได้แค่ 5 หมื่นล้าน “คลัง” เตรียมทบทวนการออกบอนด์รุ่นใหม่

รายย่อยเมินพันธบัตรออมทรัพย์รุ่นคืนความสุข ยอดจองซื้อเพียง 50,000 ล้านบาท จากทั้งหมด 100,000 ล้านบาท คาดกังวลรุ่น 10 ปีนานไป ขณะที่พันธบัตรจองผ่าน ธ.ก.ส.ได้รับความสนใจจำนวนมาก ด้านคลังเตรียมทบทวนการออกบอนด์รุ่นใหม่

นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้อำนวยการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ผลการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่น “สุขกันเถอะเรา” ในส่วนของพันธบัตร ธ.ก.ส.วงเงิน 50,000 ล้านบาท รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.80 เปิดจำหน่ายตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายรวม 33,000 ล้านบาท โดยประชาชนซื้อผ่าน ธ.ก.ส. วงเงินทั้งสิ้น 11,700 ล้านบาท เกินวงเงินที่รับผิดชอบ 10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ 2 เปิดจำหน่ายให้นักลงทุนสถาบันที่ไม่แสวงหาผลกำไรอย่างมูลนิธิ วัด องค์กรการกุศลต่าง ๆ และไม่จำกัดวงเงินมียอดขายเพิ่มขึ้นสูงมาก

ทั้งนี้ แม้ยอดรวมจะขายไม่หมดคงไม่ขยายเวลา เพราะถือเป็นการให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงและคืนความสุขรายย่อยและองค์กรต่าง ๆ ที่ไม่แสวงหาผลกำไร ในส่วนเงินที่ต้องการชำระหนี้จำนำข้าวที่เหลือ 27,000 ล้านบาท สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จะใช้แนวทางใหม่ในการระดมทุน เช่น การกู้แบบมีระยะเวลาจากสถาบันการเงินเหมือนที่ผ่านมา เพราะให้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า

รายงานข่าวจาก สบน. เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายพันธบัตรของกระทรวงการคลังรุ่นสุขกันเถอะเรา วงเงิน 50,000 ล้านบาท อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ยร้อยละ 4 จำหน่ายได้ทั้งหมด 12,152 ล้านบาท และพันธบัตรออมทรัพย์ของ ธ.ก.ส. วงเงิน 50,000 ล้านบาท อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.5 จำหน่ายได้ 37,903 ล้านบาท รวมพันธบัตรทั้ง 2 รุ่นจำหน่ายได้ 50,061 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณครึ่งหนึ่งคงต้องรอประเมินทิศทางตลาดและออกเป็นพันธบัตรรุ่นใหม่ต่อไป คาดว่าคงใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อประเมินสภาพตลาด สำหรับภาระหนี้ ธ.ก.ส. ยังไม่น่าห่วง เพราะเป็นหนี้ที่ยังไม่ครบกำหนดชำระคืน จึงมีเวลาระดมเงินชำระหนี้ดังกล่าวได้ทันกำหนด

Land&Houses มั่นใจกำไรสุทธิทำนิวไฮ

“แลนด์แอนด์เฮ้าส์” มั่นใจ กำไรสุทธิปี 57-58 ทำนิวไฮต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 3 หมื่นลบ.

นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH คาดการณ์ว่า กำไรสุทธิปี 2557 จะทำจุดสูงสุดใหม่ เป็นไปตามยอดขายและยอดโอนที่เพิ่มขึ้นประกอบกับจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการนำสินทรัพย์เข้าจัดตั้งเข้ากอง REIT ซึ่งจะเป็นบันทึกกำไรพิเศษเข้ามาในปี 2557 ที่ 1,500 ล้านบาท

Landandhouse-setlnw

สำหรับปี 2558 มั่นใจว่ากำไรสุทธิจะทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามเป้าหมายยอดขายและยอดโอนโครงการที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนของบริษัทฯ มีการปรับตัวลดลงจากการบริหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นราคาขายโครงการ ทำให้ประเมินว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ระดับมากกว่า 20%

“ปีที่แล้วกำไรสุทธิของ LH จะสามารถนำนิวไฮได้ตามยอดขาย ยอดโอนที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันเราก็มีการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้ก็เชื่อว่ากำไรสุทธิจะทำนิวไฮต่อเนื่อง แม้ไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายกอง REIT เพิ่มเข้ามาก็ตาม ซึ่งตามหลักการแล้วการนำสินทรัพย์ขายเข้ากอง REIT จะไม่นำมาคิดรวมกำไรจากการดำเนินงานอยู่แล้ว เพราะถือว่าเป็นกำไรพิเศษและไม่ได้เกิดขึ้นทุกๆ ปี”นายอดิศร กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 30,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเติบโตมากกว่าปีก่อนที่จะทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 25,000 ล้านบาท หลังมียอดโอนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งการเติบโตในปีนี้ก็จะเป็นไปตามยอดขายที่ตั้งไว้ 34,000 ล้านบาท หรือเติบโต 8% จากปีที่ผ่านมา

โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน อยู่กว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปีนี้ประมาณ 5,000 ล้านบาท รวมถึงจะมีการเปิดโครงการใหม่ๆ 17 โครงการ มูลค่ากว่า 37,000 ล้านบาท ซึ่งบางส่วนจะมีการโอนเข้ามาในปีนี้ ซึ่งนอกจากรายได้การขายโครงการแล้ว บริษัทฯจะมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ประกอบด้วยโรงแรม 3 แห่งในประเทศ และอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าอีก 2 โครงการที่เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าจะมีรายได้จากค่าเช่าเข้ามาในปีนี้กว่า 1,500 ล้านบาท

Aqua ลั่นฟ้อง “เนชั่น” อีก ชี้ลงข่าวใส่ร้ายให้เสียหาย..

อควาฯ ลั่นฟ้อง “เนชั่น” อีก ชี้ลงข่าวใส่ร้ายให้เสียหาย ขณะฝ่ายหลังแถลงยึดมั่นวิชาชีพสื่อ

เมื่อวันที่ 13 ม.ค. บริษัท อควา คอร์เปเรชั่น จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์ระบุว่า กลุ่มบริษัท AQUA เรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้บริหาร NMG ฐานให้ข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงทำให้บริษัทเสียหายเผยมีเจตนาจงใจทำลายชื่อเสียงหลายองค์กร เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน

โดยเนื้อหาระบุว่า ตามที่ปรากฎเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 23 ธันวาคม 2557 หัวข้อข่าว เปิดฐานะ “โซลูชั่น” เกาะสื่อหนีขาดทุน ได้กล่าวพาดพิงถึงบริษัทว่าเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นที่เชื่อมโยงกับบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998)(SLC) และยังมีผลประกอบการที่ย่ำแย่ และหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจฉบับวันที่ 11 มกราคม 2558 คอลัมน์ : คิดใหม่วันอาทิตย์ ที่มีเนื้อหาพยายามชี้นำและเชื่อมโยงว่าบริษัท AQUA มีส่วนเกี่ยวข้องกับ SLC ในการเข้าถือหุ้นของ NMG นั้น

บริษัท อควา ขอชี้แจงว่า การรายงานข่าวดังกล่าวจากหนังสือพิมพ์ในเครือเนชั่นและ คอลัมนิสต์บางราย ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ไร้คุณธรรม และไร้จรรยาบรรณของสื่อมวลชนที่ดี

บริษัท AQUA มีผู้ถือหุ้นกว่า 4,000 ราย มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดกว่า 5,700 ล้านบาท และมีบริษัทในเครือหลายบริษัทอาทิเช่น

1.บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) โดยบริษัท AQUA ถือหุ้น 282,689,945 หุ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,900 ล้านบาท ซึ่งมีบริษัทลูกประกอบธุรกิจพลังงานทดแทน และอยู่ระหว่างการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

2.บริษัท ไทยคอนซูเมอร์ดิสทริบิวชั่นเซ็นเตอร์ จำกัด ประกอบธุรกิจให้เช่าคลังสินค้ากว่า 100,000 ตารางเมตรและอยู่ระหว่างการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

นอกจากนี้แล้วยังมีบริษัทที่ทำป้ายโฆษณา ซึ่งทุกธุรกิจที่ AQUA ลงทุนต่างมีผลประกอบการที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง มีการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น และมีโบนัสให้แก่พนักงานมากกว่ามาตรฐานที่อุตสาหกรรมในธุรกิจสื่ออื่นได้รับ

บริษัท AQUA มีผลกำไรจากการดำเนินงานติดต่อกันตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน และเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัท NMG จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า บริษัท อควา มีกำไรจากผลประกอบการมากกว่าบริษัท NMG อยู่ถึง 40 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2556 และมีกำไรจากผลประกอบการมากกว่าบริษัท NMG 51.9 ล้านบาท ณ ไตรมาส 3 ปี 2557

โดยเมื่อวันที่ 7 พย 2557 เวลา 19.19 น. บริษัท NMG ได้ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์เองว่ามีกำไรสุทธิลดลง ร้อยละ 77 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวทั้งหมดเป็นข้อมูลที่บริษัทอควาเปิดเผยต่อสาธารณชนผ่านเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจึงเห็นได้ว่าการกล่าวหาดังกล่าวเป็นการกล่าวหาที่ไร้จรรยาบรรณ ขาดการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือ มีเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเสื่อมเสียให้กับผู้อื่น

กลุ่มบริษัท AQUA ขอเรียกร้องความรับผิดชอบจากกลุ่มบริษัทเนชั่น โดยเฉพาะผู้บริหารบางราย ที่ดำเนินการดังกล่าว โดยกลุ่มบริษัท AQUA จะไม่นิ่งเฉยกับการถูกกล่าวหาในครั้งนี้ และไม่ต้องการจะเห็นบริษัทอื่นต้องตกเป็นเหยื่อของการเสนอข่าวที่บิดเบือนข้อเท็จจริง และสร้างความเสียหายเช่นนี้อีก ซึ่งจะส่งผลต่อสังคมไทยในวงกว้าง กลุ่มบริษัท AQUA จึงขอสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการตามกฎหมายในขั้นต่อไป

กลุ่มบริษัท AQUA ขอเรียกร้องให้กลุ่มผู้บริหารที่ถือบทบาททั้งผู้ถือหุ้น กรรมการ และกองบรรณาธิการ โปรดเลือกที่จะรักษาความเป็นกลาง และกำจัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ในการนำเสนอข่าวสารที่ถูกต้อง เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

กลุ่มบริษัท AQUA เข้าใจเป็นอย่างดีว่าธุรกิจของกลุ่มบริษัท เนชั่น ยืนอยู่บนความ “ศรัทธา” ของประชาชน มีบทบาทหน้าที่ต่อสังคม จึงขอเรียกร้องให้คนข่าวเนชั่นรุ่นใหม่ลุกขึ้นยืนทำหน้าที่ดำรงไว้ซึ่งอุดมการณ์ของสื่ออิสระและรักษาไว้ซึ่งองค์กรอันเป็นที่รักยิ่งของท่าน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของผู้บริหารบางรายที่มุ่งเน้นแต่รักษาอำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตน จนเป็นเหตุอ้างถึงการละเมิดสิทธิ และไม่เคารพกฎกติกาของสังคม

วันเดียวกัน บริษัทเนชั่น ออกแถลงการณ์คนข่าวเนชั่น ในหัวข้อพันธะสัญญาคนข่าวเนชั่น ระบุว่า ตลอดระยะเวลา 40 ปีบนเส้นทางวิชาชีพสื่อของคนข่าวเนชั่น พวกเราร่วมกันต่อสู้ฟันฝ่ามาทั้งมรสุมเศรษฐกิจ และการคุกคามทางการเมือง จนได้พิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า จิตวิญญาณสื่ออิสระ ที่เดินเคียงคู่ไปกับจริยธรรมแห่งวิชาชีพที่เรายึดมั่น คือบ่อเพาะศรัทธาจากสังคม ที่มอบความไว้วางใจแก่พวกเราเสมอมา จนเป็นพลังหนุนเนื่องอยู่เบื้องหลัง ให้พวกเราเอาชนะ นานาอุปสรรคดังกล่าวมา

บนเส้นทางของพวกเรานั้น การทำงานของกองบรรณาธิการ คือพันธะสัญญาที่พวกเรามีต่อกันด้วยจิตวิญญาณสื่ออิสระควบคู่จริยธรรม

การก้าวออกมายืนเคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกครั้ง ของคนข่าวเนชั่น จึงหาใช่เพื่อปกปักษ์สถานภาพของฝ่ายบริหาร หากแต่เป็นการยืนยันเจตนารมณ์ดั้งเดิม ที่เรายึดมั่นตลอด 4 ทศวรรษ บนถนนวิชาชีพสื่ออิสระ

เงินจำนวนหลายพันล้านบาทนั้น มากพอที่จะเข้าซื้อกิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ไม่ยาก แต่เราเชื่อว่า มันง่ายเกินไปที่จะใช้ความมั่งคั่งนั้น ซื้อศรัทธาเชื่อถือที่สังคมให้กับสื่อมวลชน

เราขอย้ำว่า สื่อที่ดี ต้องมีผู้ถือหุ้นที่ดีด้วย กลุ่มผู้เรียกตัวเองว่านักลงทุน ที่มีธุรกิจเป็นที่น่าสงสัยเคลือบแคลง ทั้งส่อแสดงว่าจะใช้สื่อไปเพื่อ ผลประโยชน์แอบแฝงแห่งตนและพวกพ้องนั้น จะเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากภัยคุกคามต่อจิตวิญญาณสื่ออิสระ ที่ประชาชนฝากความหวังเอาไว้ นั่นเท่ากับเป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพการรับรู้ข่าวสารของประชาชน และเป็นอันตรายต่อสังคมโดยรวมในแทบทุกมิติ

40 ปีบนเส้นทางวิชาชีพสื่อมวลชน ยืนยาวพอที่จะพิสูจน์ต่อสังคมได้ว่า การยึดมั่นในจริยธรรม จรรยาบรรณ ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์เที่ยงธรรม และความเป็นมืออาชีพของคนทำสื่อ อย่างที่คนข่าวเนชั่นทุกคน ได้ปวารณาตัวนั้น คือก้าวย่างที่สังคมไทย ย่อมตัดสินได้เองว่า สมควรจะปกป้องเพื่อเป็นประโยชน์สาธารณะสืบไปหรือไม่

ด้วยจิตวิญญาณสื่ออิสระ คนข่าวเนชั่นขอยืนยันว่า สังคมไทยจะไม่ผิดหวังกับการรักษาไว้ ซึ่งหน้าที่ของ “หมาเฝ้าบ้าน” ระแวดระวังความผิดปกติของสังคมไทย อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ไม่หวั่นไหวกับอิทธิพลของเกมการเงิน และกลุ่มการเมืองใดๆ

ThaiBMAชี้ ต้นศักราชบจ.ขายหุ้นกู้ทะลุหมื่นล.

ThaiBMA เผยตลาดบอนด์คึกเปิดศักราช ครึ่งเดือนแรกของปีมี บจ. พร้อมขายหุ้นกู้แล้ว 1.15 หมื่นล้าน ก่อนสิ้นเดือนจ่อขายเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 5 บริษัท ชี้มูลค่าระดมทุนแซงหน้าช่วงเดียวกันปีก่อนแน่นอน แบงก์ชี้ภาวะเศรษฐกิจหนุนทั้งผู้ลงทุน-ผู้ระดมทุนใช้จังหวะดอกเบี้ยยังต่ำ

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทิศทางการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ไทย (บอนด์) คึกคักตั้งแต่สัปดาห์แรกของปี ล่าสุด มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกาศเสนอขายตราสารหนี้ภาคเอกชน (หุ้นกู้) ในเดือน ม.ค.แล้ว จำนวน 5 ราย คิดเป็นมูลค่าการระดมทุนกว่า 1.15 หมื่นล้านบาท อีกทั้งยังมีอีก 5 รายอยู่ระหว่างเตรียมการออกหุ้นกู้ มูลค่าราว 7,700 ล้านบาท จึงมีโอกาสสูงที่ในเดือนนี้จะมีหุ้นกู้ออกใหม่มีมูลค่ามากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ บจ.ที่เตรียมขายหุ้นกู้ ได้แก่ บมจ.ทีพีไอ โพลีน, บมจ.ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD), บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP), บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) และ บมจ.ทรัพย์ศรีไทย (SST) เป็นต้น

“ปกติช่วงต้นปีจะไม่ค่อยมีบริษัทเอกชนมาออกหุ้นกู้มากนัก และจะทยอยออกกันประมาณเดือน เม.ย.เป็นต้นไป เพื่อรอขออนุมัติผู้ถือหุ้นก่อน แต่ปีนี้ต่างออกไป เพราะเห็นเอกชนออกหุ้นกู้จำนวนมากตั้งแต่เดือนแรกของปี ซึ่งอาจเป็นผลจากการคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับบริษัทหน้าใหม่ก็ตื่นตัวมาระดมทุนผ่านช่องทางนี้เพิ่มขึ้น หลังจากที่สมาคมเดินสายพบปะผู้ประกอบการหลายครั้งในปีที่ผ่านมา”

setlnw
นอกจากนี้ เชื่อว่าในปี 2558 ยังเป็นปีที่ดีของผู้ประกอบการที่ต้องการระดมทุน เนื่องจากสภาพคล่องในประเทศยังมีอยู่ค่อนข้างสูง และทิศทางดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ผู้ลงทุนก็มีโอกาสที่จะเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงเช่นตราสารหนี้เพิ่มขึ้น

ด้านนางสาวดวงใจแก้วบุตตากรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีหลักประกัน และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าไม่เกิน 2,000 ล้านบาท อายุ 2 ปี 30 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.50% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยเป็นการเสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ กำหนดจองขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณของ 100,000 บาท เปิดจองซื้อและรับหนังสือชี้ชวนระหว่างวันที่ 13-15 ม.ค.นี้

“วัตถุประสงค์ระดมทุนครั้งนี้ เพื่อจ่ายคืนเจ้าหนี้เงินกู้ปล่อยสินเชื่อและเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และได้แต่งตั้ง 4 ธนาคารเป็นตัวแทนจำหน่าย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ธนาคารธนชาต และธนาคารยูโอบี”

นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) เปิดเผยว่า ในเดือน ม.ค.นี้ บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 6,000 ล้านบาท จำนวน 2 รุ่น อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.85% ต่อปี และอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.20% ต่อปี โดยรุ่นแรกจะเสนอขายไม่เกิน 2,000 ล้านบาท และมีสำรองเพื่อขยายเพิ่มเติมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ส่วนรุ่นที่ 2 ก็เช่นกัน โดยจะเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปในระหว่างวันที่ 19-21 ม.ค.นี้

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์การระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการและรองรับการลงทุนทั้งในปัจจุบันและอนาคต อีกส่วนใช้ชำระหนี้เงินกู้ก่อนกำหนด (รีไฟแนนซ์) ในส่วนที่มีต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น

นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ตลาดตราสารหนี้ยังเป็นที่สนใจของผู้ลงทุนและผู้ระดมทุน จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ในปีนี้ ประกอบกับสัญญาณภาวะเงินฝืดที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วไป ทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งยังต้องดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ ทำให้เม็ดเงินดังกล่าวมีโอกาสไหลเข้ามาที่ตลาดตราสารหนี้ของหลายประเทศรวมทั้งไทยด้วย

“แนวโน้มของทิศทางดอกเบี้ยในไทยยังอยู่ในระดับต่ำซึ่งการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเป็นทางเลือกของผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตัวเองยอมรับได้และน่าจะทำให้การลงทุนในตลาดตราสารหนี้ปี2558 น่าจะมีความคึกคัก” นายสุภัคกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเดือนมกราคม ปีนี้ มีการระดมเงินทุนทั้งภาคเอกชนผ่านการออกหุ้นกู้ และภาครัฐบาล ซึ่งล่าสุด กระทรวงการคลัง แถลงเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษ “สุขกันเถอะเรา” วงเงิน 1 แสนล้านบาท โดยเริ่มเปิดขายตั้งแต่วันที่ 12 – 23 ม.ค. 2558 ให้แก่นักลงทุนบุคคล รวมไปถึงองค์กรการกุศล