เปิดตัวรองเอ็มดีใหม่ “กรุงไทย” ลับคมธุรกิจปูทางขึ้น “แชมป์”
กระบวนการปรับองค์กรและเสริมเขี้ยวเล็บให้ธนาคารกรุงไทย เป็นเบอร์ 1 ของธุรกิจแบงก์ เปลี่ยนภาพลักษณ์ “แบงก์รัฐ” เป็น “แบงก์พาณิชย์” ที่มีทั้งวิธีคิด วิธีทำงาน ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้แข่งขันกับแบงก์เอกชนรายใหญ่ให้ได้ ถือเป็นเป้าหมายที่ “วรภัค ธันยาวงษ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย มุ่งมั่นจะทำให้เกิดขึ้น
ขณะที่ผลประกอบการในปี 2557 ที่ผ่านมา แบงก์แห่งนี้มีกำไรสุทธิ 33,196 ล้านบาท ลดลง 3.81% จากปีก่อนหน้า มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 69,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.47% ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ 27,909 ล้านบาท ลดลง 6.50% เป็นเงินให้สินเชื่อ 1,897,995 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.92% เงินฝาก 2,151,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.22% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NET NPLs) 1.34% ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ 1.49%
สำหรับในปี 2558 กรุงไทยอยู่บนเส้นทางเฟส 2 ซึ่ง “วรภัค” ได้ชักชวนผู้บริหารรุ่นใหม่เข้ามาร่วมงานหลายคน
เริ่มที่สายงานที่ต้องสัมผัสกับลูกค้าจำนวนมาก “ธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรายย่อยและเครือข่าย บอกว่า ปัจจุบันกรุงไทยมี “ฮาร์ดแวร์” หรือโครงสร้างธุรกิจที่ดีมากอยู่แล้ว ด้วยจำนวนสาขาที่มากที่สุดถึง 1,198 แห่ง แต่ต้องพัฒนาด้าน “ซอฟต์แวร์”
โดยยกตัวอย่างซอฟต์แวร์ว่า ประกอบด้วยการคิดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่อุดช่องว่างในตลาด การวางกลยุทธ์ โดยปีนี้จะให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าภาคเอกชนเพิ่มขึ้น หรือใช้กลยุทธ์ด้านราคาในจุดที่จำเป็น การปรับปรุงกระบวนการทำงานการให้บริการ รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยง ผ่านโครงการกระบวนการทำงาน 3 เรื่อง ได้แก่ 1) Loan Factory ซึ่งเป็นการปรับกระบวนการอนุมัติสินเชื่อให้รวมศูนย์ที่สำนักงานใหญ่จากเดิมให้เขตกับสาขาดำเนินการ 2)การตามหนี้ (Loan Collection) ด้วยการพัฒนาขีดความสามารถของพนักงาน เพราะการตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพจะลด NPLs ได้มาก และ 3) การใช้ข้อมูลเพื่อเข้าใจความเสี่ยงของลูกค้า (Data Analytic)
ส่วน “กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจขนาดใหญ่ เล่าว่า งานของเขาจะโฟกัสใน 5 Ps ได้แก่ Porfolio, Product Capacity, Process, Performance และ People
โดยอธิบายว่า ในด้านพอร์ตโฟลิโอ จะมุ่งสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมให้เพิ่มขึ้น พร้อมกับลดขั้นตอนทำงาน ดังนั้นที่ผ่านมาจึงได้มีการจัดกลุ่มลูกค้าใน 3 ระดับ ได้แก่ แพลทินัม โกลด์ และซิลเวอร์
ขณะเดียวกันก็จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่เป็นแบ่งเป็น CBC 1 และ CBC 2 (CBC-Corporate Banking Cent) เพราะแต่ละกลุ่มมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้าน ธุรกรรมการเงิน (Transaction Banking) การจัดการเงินสด สินเชื่อเพื่อการค้า การบริหารความเสี่ยง และการระดมทุน
นอกจากนี้ก็ต้องปรับปรุงกระบวนการระเบียบการอนุมัติสินเชื่อ การสร้างความสามารถในการดำเนินงานขององค์กรให้ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ (RM) เข้าใจถึงผลิตภัณฑ์และมีคำแนะนำที่ดีและเหมาะสมให้ลูกค้า สุดท้ายคือ การพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ให้สามารถมองเห็นความต้องการของลูกค้าให้ตรงจุดที่สุด จับจุดที่ลูกค้าอาจยังมองไม่เห็นได้
ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนที่จะทำให้ 2 ส่วนแรกมีสินค้าและบริการที่ดี โดดเด่น ไปเสิร์ฟลูกค้าทุกกลุ่มทุกระดับได้ “ผยง ศรีวณิช” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Global Market เล่าว่า เนื่องจากสายงานนี้เป็นสานงานใหม่ที่เพิ่งจัดตั้งมาเพิ่มความคมให้กับธุรกิจ เพื่อให้บริการทั้งด้านข้อมูลและผลิตภัณฑ์การเงินให้กับลูกค้า
“หลังจากนี้จะรุกตลาดมากขึ้น จะเป็นการทำงานที่สอดรับและสนับสนุนกับฝ่ายธุรกิจขนาดใหญ่ เครือข่าย และรายย่อยตลอดเวลา เพื่อทำให้กรุงไทยมีที่สินค้าด้านตราสารหนี้ การแลกเปลี่ยนเงินตรา การลงทุน ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของแบงก์ไทยในกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล่านี้ภายในปี 2561 ให้ได้”
ส่วน “ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ ซึ่งเป็นหน่วยสนับสนุนงานหลังบ้านที่สำคัญของแบงก์ และเขาบอกว่า เป้าหมายภายใน 5 ปี จะทำให้ธุรกิจส่วนนี้มีส่วนแบ่งตลาดให้ได้ 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10%
ทั้งหมดนี้ เป็นแผนงานที่ท้าทายความสามารถผู้บริหารใหม่เป็นอย่างยิ่ง