“TTA” เตรียมเพิ่มทุน หลังผู้ถือหุ้นผ่านโหวต

TTA จ่อเพิ่มทุน 739,383,450 บาท หลังผู้ถือหุ้นโหวตอนุมัติ เตรียมจัดสรรผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) จำนวน 520,470,459 หุ้น ในราคา 14 บาท/หุ้น สัดส่วน 15 หุ้นเดิมต่อ 6 หุ้นเพิ่มทุน แถมฟรี TTA-W5 อีก 2 หน่วย เตรียมจ่ายปันผลอีกหุ้นละ 0.25 บาท พร้อมสิทธิในการจองซื้อหุ้น PMTA ก่อนเสนอขายให้นักลงทุนทั่วไป จ่อขยายธุรกิจตามแผน เผยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XR วันที่ 5 ก.พ.นี้ ก่อนปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 10 ก.พ. และรับจองซื้อ-ชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนระหว่าง 25 ก.พ.ถึง 3 มี.ค.58

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ หรือ TTA กล่าวว่า ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2558 ในการประชุมเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2558 ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ ด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 89.69 ของผู้เข้าร่วมประชุม และมีสิทธิลงคะแนน ซึ่งหลังจากนี้ บริษัทฯ จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่วางไว้ โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XR ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558 ก่อนจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ และกำหนดวันจองซื้อ และชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนในระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์-3 มีนาคม 2558

“ในนามของผู้บริหาร TTA ผมต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้นที่มอบความไว้วางใจ และมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนดังกล่าว ซึ่งเราขอให้คำมั่นแก่ผู้ถือหุ้นว่า เงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนทั้งหมดจะถูกนำไปใช้ในการขยายกิจการ และแสวงหาโอกาสลงทุนที่สร้างการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนให้แก่ TTA ต่อไป”

นอกจากผู้ถือหุ้นของ TTA จะสามารถรักษาสัดส่วนการถือหุ้นด้วยการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (สัดส่วนการจัดสรร 15 หุ้นเดิมต่อ 6 หุ้นใหม่) ในราคาหุ้นละ 14 บาท ซึ่งเป็นราคาที่มีส่วนลดคิดเป็นร้อยละ 25 จากราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 30 วันย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย.2557 ถึง 5 ม.ค.2558 ซึ่งเท่ากับ 18.68 บาทต่อหุ้น) แล้ว ผู้ถือหุ้นยังจะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) ครั้งที่ 5 (TTA-W5) ฟรีอีก 2 หน่วย พร้อมรับเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท (XD วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558) นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้น TTA ยังจะได้รับสิทธิในการจองซื้อหุ้นบริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้ง คอมปานี ที่ลงทุนในบริษัท บาคองโค จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรชั้นนำในประเทศเวียดนาม โดยผู้ถือหุ้น TTA จะได้รับสิทธิจองซื้อก่อนผู้ลงทุนทั่วไป ก่อนที่ PMTA จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป จึงถือเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับผู้ถือหุ้น TTA

ทั้งนี้ TTA ประกาศเพิ่มทุนจดทะเบียน 739,383,450 บาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 739,383,450 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 1,537,463,800 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 2,276,847,250 บาท โดยจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) ในจำนวนไม่เกิน 520,470,459 หุ้น ในสัดส่วน 15 หุ้นสามัญเดิมต่อ 6 หุ้นสามัญใหม่ ควบคู่กับ 2 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) ครั้งที่ 5 (TTA-W5) ส่วนหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือจะจัดสรรไว้สำหรับรองรับการแปลงสภาพ TTA-W3, TTA-W4 และ TTA-W5

คุณภาพกับมูลค่า

 

คุณภาพ

ในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ผมคิดว่าชาวหุ้นจำนวนมากยังมีความเสี่ยงสูง เพราะมองข้าม เรื่องสำคัญ 2 เรื่อง คือ คุณภาพ (Quality) และ มูลค่า Value)
ที่ผมพูดเช่นนี้ เพราะสังเกตเห็นว่า ชาวหุ้นส่วนใหญ่ มักจะสนใจเรื่องราคา (Price) หุ้นกัน อย่างสุดฤทธิ์สุดเดช
เวลาตั้งคำถามกับโบรกเกอร์ จึงออกมาว่า ควรจะซื้อหุ้นตัวไหนดี? โดยคิดว่า เมื่อได้ลงทุนตามคำแนะนำแล้ว จะทำกำไรได้แน่ๆ
หรือถ้าไม่ได้กำไร ก็มีโอกาสรีบขายตัดทิ้ง เพื่อลดความเสียหาย จากการลดลงของราคาหุ้น
ก่อนคนอื่นๆ
ความจริงแล้ว เวลาได้รับคำแนะนำว่าหุ้นตัวไหนเจ๋ง อย่าเพิ่งรีบซื้อ!
ให้พยายามประเมินก่อนว่า หุ้นตัวที่ว่ามีคุณภาพดีจริงหรือไม่? และถ้ามีจริง มูลค่าหุ้นควรเป็นเท่าไหร่?
พูดง่ายๆคือ ต้องพยายามเรียนรู้และเข้าใจให้ได้ว่า หุ้นตัวนั้น ทำธุรกิจอะไร? กำลังเติบโตหรือถดถอย?
ยี่ห้อสินค้าติดตลาดหรือไม่? คู่แข่งมีมากไหม? เป็นต้น
ถ้าดูแล้ว ธุรกิจของหุ้นอยู่ในเกณฑ์ดี ก็ถือว่าโอเค ผ่านรอบแรก
คุณภาพที่สองที่ต้องดูคือ คุณภาพของการบริหาร โดยต้องดูทั้งสภาสงคราม และแม่ทัพหุ้น
กล่าวคือต้องดูให้มั่นใจว่า คณะกรรมการบริษัทประกอบไปด้วยคนดีจริง มีความรู้ในด้านธุรกิจ
และมีความรู้ในการเป็นกรรมการมืออาชีพ
ไม่ใช่ กรรมการส่วนใหญ่ มีนามสกุลเดียวกัน แถมยังไม่เคยได้ยินคำว่า DCP เสียอีก
DCP ย่อมาจาก Directors Certification Program ซึ่งเป็นหลักสูตร 5 อาทิตย์ อาทิตย์ละ 1 วัน จัดโดย IOD
เพื่อให้ผู้ขันอาสามาเป็นกรรมการ ได้เข้าใจภาระหน้าที่การเป็นกรรมการ อย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล
ถ้ากรรมการส่วนใหญ่จบ DCP มา ชาวหุ้นก็สบายใจได้เปลาะหนึ่ง
ถามว่าจะรู้ได้ไง?
ก็ดูจากประวัติของกรรมการแต่ละคน ในรายงานประจำปีของหุ้นตัวนั้นๆได้เลย!
ส่วนตัวแม่ทัพคือ CEO คือตัวจักรสำคัญ คุณภาพของ CEO จึงเป็นเรื่องใหญ่
ผมได้อ่านเรื่องของ Mr. Jack Welch ซึ่งเป็นอดีต CEO ของ GE ปรากฎว่าตอนเข้าไปเป็น CEO ใหม่ๆ
Market cap ของ GE มีแค่ $16 พันล้าน พอตอนที่ลาออกมามีถึง $ 596 พันล้าน!
ถ้า CEO ในตลาดหุ้นเป็นอย่างนี้ได้ทุกคน ชาวหุ้นสบายใจหายห่วง เพราะCEOมีฝีมือแบบนี้
จะไม่อยู่เฉย แต่จะทำให้คุณภาพของผลดำเนินงาน ออกมาดีขึ้นปีแล้วปีเล่า
แม้ในปีที่เศรษฐกิจ หรือในช่วงเวลาวิกฤติ ก็สามารถประคองตัวบริษัทให้อยู่รอดปลอดภัย ปรับตัวให้แข็งแกร่ง ทยานกลับเข้ามาเก็บเกี่ยว ในช่วงเศรฐกิจขาขึ้นได้อีกด้วย
การดูคุณภาพนั้น ถ้าใครพอดูตัวเลขการเงินเป็น ยิ่งจะช่วยได้มาก
หุ้นที่มี ROE สูงๆ มี D/E ต่ำ มี Revenue Growth สูง เป็นหุ้นที่ถือว่ามีคุณภาพได้เป็นส่วนใหญ่เลย
ถ้าใครไม่รู้ ต้องรีบเรียน เดี๋ยวจับชีพจรหุ้นไม่เป็น จะพลาดได้ของดี อย่ามัวเสียเวลาเฝ้าดูแต่ราคาหุ้นอย่างเดียว ต้องดูผลประกอบการเป็นด้วย ทีนี้ พอเลือกได้หุ้นมีคุณภาพแล้ว ก้าวต่อไป ก่อนซื้อ ควรต้องหาวิธีประเมินมูลค่าหุ้นก่อน
เพื่อจะได้รู้เป็นแนวว่า หุ้นตัวที่จะซื้อน่าจะมีมูลค่าในอนาคต เป็นเท่าไหร่กันแน่
การหามูลค่าหุ้นนั้น ทำได้ตั้งแต่ง่ายจนถึงยาก แต่อย่าตกใจครับ ทำแบบไหนก็ได้
เพราะเอาเข้าจริง มูลค่าของหุ้นแต่ละตัว ก็ออกมาเป็นหลายค่าได้ สิ่งที่นักลงทุนควรทำ คือต้องรู้ให้ได้ว่า มูลค่าหุ้นที่จะซื้อ อยู่ในช่วงราคาไหนถึงไหน
พอได้มูลค่าหุ้นออกมา ก็ค่อยซื้อหุ้นตอนที่ราคาต่ำกว่ามูลค่า (Under Value) ไม่ใช่ซื้อที่ราคาไหนก็ได้
มิฉะนั้น อาจเจ็บตัวฟรี แม้หุ้นตัวนั้นจะเป็นหุ้นมีคุณภาพดี เพราะซื้อสูงไป ก็ไม่คุ้มเหมือนกัน
ถ้าชาวหุ้นหันมาสนใจเรื่องคุณภาพ (Quality) และมูลค่า (Value) กันให้มากขึ้น การลงทุนในตลาดหุ้น
ก็จะเป็นทางเลือก ที่ดีที่สุดในระยะยาว
เพราะหุ้นที่บริหารโดย CEO ดีฝีมือเยี่ยม จะทำหน้าที่คอยสร้างมูลค่า (Value Creation) ให้กับผู้ถือหุ้น
ทำให้เงินลงทุนของชาวหุ้น งอกเงยขึ้น
เชื่อขนมกินได้เลยครับ

เทพ รุ่งธนาภิรมย์