ลงทุนดีๆ ปีแพะ

สิ่งที่ผมอยากเขียนในบทความนี้คงเป็นเรื่องเบาๆ เพื่อสรุปสิ่งที่เกิดขึ้น และบอกเล่าแนวทางให้ทุกท่านใช้จัดสรรเงินลงทุนสร้างความมั่งคั่งรับปีแพะ

ลงทุนปีแพะ

โดยอันดับแรก ขอเล่าก่อนว่าปีที่ผ่านมาไม่ได้เป็นปีที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุน เพราะผลตอบแทนค่อนข้างผันผวน ซึ่งผมได้สรุปออกมาเป็นตาราง ดังนี้

ส่วนแนวทางในการลงทุนปีนี้ผมขอเริ่มจากภาพรวมเศรษฐกิจโลก ที่คาดว่าจะเติบโตในระดับต่ำต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาในระดับ 2.78% โดยเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.2% ขณะที่ยุโรปและญี่ปุ่นยังเป็นโซนที่มีความชัดเจนต่อการฟื้นตัวที่ต่ำ ทำให้จำเป็นที่ต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ส่วนเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยนักเศรษฐศาสตร์ประมาณการเติบโตไว้3.5-4.5%

ราคาน้ำมันที่ตกต่ำต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อทิศทางการลงทุน เพราะส่งผลกระทบทั้งต่อระบบเศรษฐกิจ และราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน ในขณะที่การยกเลิกการผูกติดกับค่าเงินยูโรของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อการลงทุนเช่นกัน โดยเฉพาะกับราคาทองคำที่เดิมอยู่ในระดับต่ำกว่า 1,200 ดอลลาร์ อาจปรับตัวให้ไปเหนือกว่าที่ 1,300 ดอลลาร์ได้

ดังนั้น หลักใหญ่ในการลงทุนปีนี้ยังคงอยู่ที่การลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สม่ำเสมอ พร้อมทั้งแนะนำว่านักลงทุนควรให้น้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ดังนี้

1. ลดน้ำหนักการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ เพราะอัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงมาในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่องก็ตาม แต่ผลตอบแทนที่ลดลงมาค่อนข้างมาก ส่งผลให้ผลตอบแทนในอนาคตอยู่ในระดับต่ำ

2. คงน้ำหนักการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ที่มีสภาพคล่องสูงและมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับที่สูงทั้งในและต่างประเทศ

3. คงน้ำหนักการลงทุนในกองทุนหุ้นในประเทศโดยเฉพาะกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นปันผลสูงหรือหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ

4. คงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของประเทศสหรัฐอเมริกา และจีน

5. จัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการปรับตัวของราคาลงมาค่อนข้างมาก เช่น “กองทุนน้ำมัน” กองทุนหุ้นประเทศญี่ปุ่น แต่การลงทุนในกองทุนเหล่านี้มีเป้าหมายในการลงทุน เช่น ตั้งเป้าที่ผลตอบแทน 5% หรือ 10% และขายออกเมื่อได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมาย เพื่อล็อกผลกำไร และลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนโดยรวม

สรุปปีนี้ เป็นปีที่ท้าทายต่อการลงทุน ดังนั้นจึงอยากแนะนำให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังและติดตามข่าวสารที่สำคัญ ตลอดจนปรับน้ำหนักการลงทุนมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ท้ายสุดนี้ขอให้ผู้ลงทุนทุกท่านมีความสุข และได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนตลอดปีแพะรับทรัพย์นี้ครับ

สิ่งที่ควรปฏิบัติในการลงทุน

 

ขณะที่พวกเราพยายามค้นหาคำตอบว่าจะทำอย่างไรให้มีชีวิตยืนยาว มันก็มีคำตอบง่ายๆ อยู่ไม่น้อยที่ส่งผลกระทบใจได้มาก ซึ่งก็ยากทีเดียวที่จะสรรหาคำแนะนำเรื่องนี้ได้ดีไปกว่าคำตอบที่ว่า อย่าสูบบุรี่ อย่าดื่มเหล้า ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนขับรถ  ความคิดที่ก่อปัญหาให้ซับซ้อนแล้วสามารถหาคำตอบได้ง่ายๆ นั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แต่คำถามเรื่องการมีชีวิตยืนยาวเท่านั้น

 ผมได้รวบรวมกฏข้อปฏิบัติไว้ 30 ข้อที่จะทำให้คุณมีโอกาสบรรลุถึงเป้าหมายทางการเงินได้ดังตั้งใจลองดูและนำไปปฏิบัติกันครับ

  1.  จงอย่าเพิ่มความเสี่ยงมากเกินกว่าที่คุณจะรับไหว  แผนหลายฉบับล้มเหลวก็เพราะนักลงทุนแบกรับความเสี่ยงมากเกินกว่าที่ตนจะรับไว้ได้  ความเสี่ยงมักจะปรากฏออกมาอย่างคาดไม่ถึงซึ่งจะนำไปสู่การยกเลิกแผนการลงทุน  ดังนั้นเมื่อคุณกำลังสร้างแผนการลงทุนอยู่  จงพิจารณาถึงขีดความสามารถ  เสถียรภาพของรายได้  ความสามารถที่จะทนรับภาวะขาดทุน  และอัตราผลตอบแทนที่จะบรรลุตามเป้าหมายของคุณด้วย

  2.  จงอย่าลงทุนในหุ้นถ้าคุณยังไม่เข้าใจธรรมชาติทั้งหมดของความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น  และถ้าคุณไม่สามารถอธิบายความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นให้แก่เพื่อนของคุณฟังได้  คุณก็ไม่ควรลงทุน  บรรดาความโชคดีต่างๆ อาจหายไปในบัดดล เพราะว่าผู้คนไม่เข้าใจถึงประเภทความเสี่ยงที่เขาเหล่านั้นกำลังประสบอยู่

3. การลงทุนยิ่งสลับซับซ้อน  คุณก็ควรจะยิ่งวิ่งหนีให้เร็วขึ้น  สินค่าที่สลับซับซ้อนมักจะออกแบบมากเพื่อขาย  ไม่ใช่เพื่อซื้อ  คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่าความสลับซับซ้อนนั้นออกแบบมาเพื่อผลประโยชน์ของผู้ที่ออกตราสาร  ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของนักลงทุน  บรรดาวาณิชธนากรไม่ได้เล่นบทเป็นซานตาคลอสมาหยิบยื่นผลตอบแทนสูงๆ ให้คุณเพราะพวกเขาชอบคุณหรอกนะ  เขาหวังเงินของคุณต่างหาก

      4. ความเสี่ยงและผลตอบแทนไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กัน  แต่ความเสี่ยงและความคาดหวังในผลตอบแทนเป็นสิ่งสัมพันธ์กัน ถ้ามันไม่มีความเสี่ยง  มันก็จะไม่มีความคาดหวังในผลตอบแทนที่สูงขึ้นเช่นกัน

   5. ถ้าหุ้นให้ผลตอบแทนสูง  คุณจงมั่นใจได้เลยว่าความเสี่ยงย่อมสูงด้วยแม้ว่าคุณจะมองไม่เห็นมันก็ตาม  ผลตอบแทนสูงๆ ก็เหมือนกับผลแอปเปิ้ลเปลือกผิวมันวาวที่ราชินีผู้ชั่วร้ายหยิบยื่นให้แก่สโนว์ไวท์  นักลงทุนจึงไม่ควรสับสนระหว่างผลตอบแทนที่แท้จริงกับความคาดหวังในผลตอบแทนสูง ๆ  สโนว์ไวท์มองไม่เห็นยาพิษที่แทรกซึมอยู่ในผลแอปเปิลได้ฉันใด  คุณก็มั่นใจได้เลยว่าคุณจะมองไม่เห็นพวกความเสี่ยงต่างๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในการลงทุนด้วยฉันนั้น

   6.แผนการลงทุนที่ดีมีความจำเป็นสำหรับการลงทุนที่ประสบผลสำเร็จ  แต่คุณต้องมีวินัยที่จะดำเนินตามแผน  ปรับสมดุล และจัดการภาษีเท่าที่จำเป็น  โชคไม่ดีเลยที่บรรดานักลงทุนต่างไม่เคยเขียนแผนการลงทุนไว้กำกับตัวเองและอารมณ์ต่างๆ เช่น ความโลภ  ความอิจฉาในตลาดขาขึ้น  รวมถึงความกลัวและความตระหนกตกใจในตลาดขาลง  ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แผนดีๆ ต้องถูกทิ้งไป

  7.แผนการลงทุนต้องรวมเอาแผนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์  แผนภาษี  และแผนการจัดการความเสี่ยง (การประกันภัยทุกประเภท) เข้าไปด้วย  แผนการลงทุนที่ดีที่สุดสามารถล้มเหลวได้จากเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวกับตลาดการเงินเลย  เช่น บางครอบครัวมีคนทำงานหาเงินอยู่เพียงคนเดียวแต่ต้องหาเลี้ยงทั้งครอบครัวหากคนๆ นั้นตายไปโดยไม่ได้ทำประกันชีวิตใดๆ ไว้เลย  หรืออาจจะประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถทำงานได้  ก็จะทำให้สมาชิกคนอื่นๆ ต้องพลอยตกอยู่ในความลำบากไปด้วย

8. จงอย่าคิดว่าสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้แล้วจะเป็นไปไม่ได้เลย และอย่าเชื่อว่าสิ่งที่เป็นไปได้คือความแน่นอน  นักลงทุนมักจะตั้งสมมติฐานว่าความสามารถของพวกเขามีมากจนล้นเหลือและมีความเสี่ยงต่ำหรือไม่มีเลย  ผลลัพธ์ก็คือเขาอาจจะต้องรับความเสี่ยงมากเกินไป  การรับความเสี่ยงมากเกินอาจทำให้นักลงทุนระยะยาวกลายเป็นนักลงทุนระยะสั้นไปโดยอัตโนมัติ  หุ้นต่างๆ มีความเสี่ยง ไม่ว่ามันจะมีความสามารถเพียงใดก็ตาม และจงจำไว้ว่าเพราะบางสิ่งบางอย่างไม่ได้เกิดขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเกิดขึ้นไม่ได้หรือมันจะไม่เกิดขึ้น

9. ผลที่ตามมาจากการตัดสินใจควรจะมีผลต่อความเป็นไปได้ของผลลัพธ์นั้นๆ เราซื้อประกันภัยเพื่อจะลดความเสี่ยงของเหตุการณ์ที่เป็นไปได้น้อย (เช่น ความตาย) เพื่อป้องกันผลที่ตามมาจากการไม่ทำประกันภัยซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง  ในทำนองเดียวกัน นักลงทุนควรจะทำประกันพอร์ตการลงทุนของเขา (โดยครอบครองตราสารหนี้คุณภาพสูงในจำนวนเหมาะสม) เพื่อลดความเสี่ยงของเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น  เพราะผลที่ออกมาจากการไม่ทำประกันอาจจะหนักหนาเกินกว่าที่ใครจะรับไหว

 10. กลยุทธ์สร้างความร่ำรวยแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับกลยุทธ์รักษาความร่ำรวยให้คงอยู่อย่างยั่งยืน  บางคนอาจจะอยากรวยโดยยอมเสี่ยงมากขึ้น (หรือได้รับมรดก) ขณะที่บางคนอยากรวยอย่างยั่งยืนโดยลดความเสี่ยงให้ต่ำที่สุดด้วยการกระจายการลงทุนและไม่ใช้จ่ายเงินจนเกินตัว

11. สิ่งเดี่ยวที่แย่ยิ่งกว่าการจ่ายภาษีคือการไม่ยอมจ่ายภาษี  ปัญหาของ “ไข่ล้นเกินในตะกร้าใบเดียว”  ซึ่งเป็นผลจากการครอบครองหุ้นจำนวนมากในราคาต่ำ  หากขายหุ้นเหล่านั้นออกไปแล้วจะได้กำไรมหาศาล  และถ้าหากยังไม่จ่ายภาษีจากกำไรที่เกิดขึ้นอีกก็จะนำไปสู่ความโชคร้ายอย่างแน่นอน

 12. พอร์ตการลงทุนที่มีความไม่แน่นอนจะปลอดภัยที่สุดก็ต่อเมื่อมีการกระจายการลงทุนออกไป  พอร์ตการลงทุนควรจะรวมการจัดสรรการลงทุนไปในประเภทสินทรัพย์ต่างๆ อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่  หุ้นขนาดเล็ก หุ้นเน้นคุณค่า หุ้นเติบโต  อสังหาริมทรัพย์  หุ้นในประเทศพัฒนาแล้ว หุ้นตลาดเกิดใหม่  สินค้าโภคภัณฑ์ และตราสารหนี้

13. การกระจายการลงทุนของพอร์ตจะให้ผลตอบแทนอยู่เสมอๆ ซึ่งบางครั้งคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบผลที่ออกมา   เมื่อใดก็ตามที่คุณกระจายการลงทุนออกไปนอกเหนือจากดัชนีที่เป็นที่นิยม (เช่น ดัชนี SET 100 ) คุณจะต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ดัชนีนั้นๆ มีผลงานดีกว่าพอร์ตการลงทุนของคุณ  ข่าวลือจากสื่อต่างๆ จะเป็นเครื่องทดสอบว่าคุณมีความสามารถเพียงพอที่จะยึดมั่นกับกลยุทธ์ของคุณให้ถึงที่สุดได้หรือไม่?

14. ราคาหุ้นทั้งหมดและตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยง (เช่น ตารสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง  และตราสารหนี้ของตลาดเกิดใหม่) มักจะมีแนวโน้มตกต่ำลงในช่วงเกิดวิกฤตทางการเงิน  แผนการลงทุนของคุณจึงต้องคำนึงถึงปัจจัยนี้ไว้ด้วย

  15. แค่ตามหาหุ้นราคาผิดปกติเท่านั้นยังไม่พอ  คุณต้องคิดถึงค่าใช้จ่ายที่ตามมาด้วย “ประวัติศาสตร์” มักเต็มไปด้วยเรื่องราวของนักลงทุนที่พยายามใช้โอกาสในยามที่หุ้นมีราคาผิดปกติ  จนในที่สุดก็ได้พบว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ สูงเกินกว่าผลตอบแทนที่ได้รับเสียอีก

 16.การลงทุนในหุ้นเป็นเกมที่ผลรวมออกมาเป็นบวก  แต่ค่าใช้จ่ายจะทำให้เกมได้ผลรวมที่กลายเป็นลบ  นักลงทุนที่หลีกเลี่ยงความเสี่ยงจะไม่เล่นเกมที่ได้ผลรวมติดลบ  และนักลงทุนส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ชอบหลีกเลี่ยงความเสี่ยง  จงคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่ต่ำ  การลดภาระภาษี  และการจัดการลงทุนที่ซื้อขายน้อยครั้ง

 17. การถือครองหุ้นเป็นตัวๆ และกองทุนหุ้นกลุ่มต่างๆ เป็นการเก็งกำไรมากกว่าการลงทุน  ตลาดจะให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนที่ยอมเสี่ยงถือหุ้นเป็นตัวๆ หรือเป็นกลุ่มมากกว่าการกระจายการลงทุน  ซึ่งคล้ายกับการลงทุนในหุ้นเปรียบเทียบกับการลงทุนในตราสารหนี้  และยังจะมีความเสี่ยงมากขึ้นไปอีกหากครอบครองหุ้นเพียงตัวเดียว  นักลงทุนที่ฉลาดจึงมักจะยอมรับความเสี่ยงเฉพาะในสถานการณ์ที่เขาเหล่านั้นจะได้รผลตอบแทนสูงกว่าผลตอบแทนที่เขาคาดหวังไว้เท่านั้น

18. จงเสี่ยงกับการลงทุนในหุ้น  ตราสารหนี้อาจเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในพอร์ตการลงทุน  เพราะมันสามารถลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนทั้งหมดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้

   19. ก่อนจะทำอะไรกับข้อมูลสำคัญ  คุณควรถามตัวเองก่อนว่า ทำไมคุณถึงคิดว่าข้อมูลเหล่านั้นยังไม่ได้สะท้อนเข้าไปในราคาหุ้นแล้ว  เฉพาะคุณค่าภายในของตัวหุ้นนั้นๆ เท่านั้นที่มีค่า  การจะหาคุณค่าภายในของตัวหุ้นเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย  ถ้าคุณได้ฟังคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ที่เฉลี่ยวฉลาด  หรือจากโบรกเกอร์ของคุณ  หรืออาจจะอ่านจากหนังสือพิมพ์ด้านการเงินก็ตาม  ตลาดได้รับรู้แล้วว่าขัอมูลนั้นอยู่บนพื้นฐานอะไรและมันได้สะท้อนเข้าไปในราคาหุ้นแล้วจึงทำให้ข้อมูลดังกล่าวไม่มีค่าอีกต่อไป

 20. ประโยคที่อันตรายที่สุดสำหรับการลงทุนคือ “เวลานี้… มันไม่เหมือนเดิม” ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความหลงใหลที่จะไขว่คว้าหาแต่ “สิ่งใหม่ๆ” และยังเป็นเหตุผลว่าทำไมประโยคที่ว่า “หนทางที่น่ามั่นใจที่สุดเพื่อไขว่คว้าหาความโชคดีเล็กน้อยควรเริ่มต้นด้วยการทำเรื่องใหญ่เสียก่อน” จึงเป็นเพียงการอุปมาอุปไมยเท่านั้น

21. ตลาดอาจทำตัวไม่มีเหตุผลได้ยาวนานเกินกว่าที่จะสามารถทนได้  ภาวะฟองสบู่จะยังเกิดขึ้นต่อไป  อย่างไรก็ตาม  ขณะที่มันกำลังระเบิดอยู่ มันก็จะโตขึ้นและโตขึ้น  และอยู่อย่างยาวนานเกินกว่าทรัพยากรที่คุณมีทั้งหมดจะช่วยคุณได้

22. ถ้ามันดีเกินกว่าจะเป็นจริง  มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ   เมื่อเงินกับประสบการณ์มาพบกัน  ประสบการณ์จะดึงดูดเงินไป  และเงินที่ถูกดูดไปจะทำให้เกิดประสบการณ์  มีเพียงทางเดียวที่จะลงทุนได้อย่างปลอดภัยนั้นคือ  กระจายการลงทุน

 23. จงอย่าทำงานกับที่ปรึกษาการเงินที่คิดค่าบริการจากค่าคอมมิชชั่น  ค่าคอมมิชชั่นจะก่อให้เกิดคำแนะนำที่ลำเอียงได้

24. จงทำงานกับที่ปรึกษาการเงินที่มีจรรยาบรรณเท่านั้น  นั่นคือหนทางที่ดีที่สุดที่จะมั่นใจได้ว่าคำแนะนำที่คุณได้รับก็เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของคุณ  ไม่มีเหตุผลใดที่ที่ปรึกษาของคุณจะไม่ยึดหลักจรรยาบรรณ

25. จงแยกให้ออกระหว่าการบริการของที่ปรึกษาการเงิน  ผู้จัดการฝ่ายการเงิน  ผู้รับฝากหลักทรัพย์ (Custodian) และผู้ดูแลทรัพย์สิน (Trustee) กฏข้อนี้ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการทุจริตได้

26. เนื่องจากพวกเราชาวนักลงทุนต่างอยู่ในโลกของลูกแก้ววิเศษที่หม่นมัวด้วยหมอกเมฆ  กลยุทธ์ใดๆ ที่ใช้อาจจะถูกหรือผิดก็ได้จนกว่าเราจะรู้ถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง  โดยทั่วไปคนโง่ที่โชคดีไม่เคยคิดว่าพวกเขาโชคดี  แม้แต่แผนการลงทุนที่ดีก็อาจจะล้มเหลวได้  นั้นเป็นเพราะความเสี่ยงที่ยอมรับได้นั้นเกิดขึ้นแล้วและผลของความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไปแล้วก็อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้อีกด้วย

27. ความหวังไม่ใช่กลยุทธ์การลงทุน  จงตัดสินใจลงทุนบนพื้นฐานของข้อมูลที่ได้จากบทความในวารสารทางวิชาการชั้นนำเท่านั้น

  28. จงจดบันทึกการคาดการณ์ตลาดของคุณทุกวัน  หลังจากนั้นคุณจะรู้ว่า คุณไม่ควรจะลงทุนตาวความรู้สึกในใจของคุณ

  29. ไม่เคยมีเรื่องใหม่ในการลงทุน  มีเพียงแต่ประวัติศาสตร์การลงทุนที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเท่านั้น  ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเงินจะทำให้คุณสามารถคาดการณ์ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับพอร์ตการลงทุนของคุณได้

30. คำแนะนำที่ดีไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง  แต่คำแนะนำที่ไม่ดีจะทำให้คุณเสียค่าใช้จ่ายแพงมากไม่ว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะมีราคาถูกเพียงใดก็ตาม  คนที่ฉลาดมักจะไม่เลือกหมอที่คิดค่ารักษาราคาถูก  หรือไม่เลือกผู้ตรวจสอบบัญชีที่คิดใช้จ่ายถูกๆ ค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องสำคัญแน่นอน  แต่มันจะคุ้มค่าก็ต่อเมื่อคำแนะนำนั้นสามารถสร้างผลตอบแทนที่มีค่ามากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายแล้ว

สิ่งที่ผลจะกล่าวตอนท้ายนี้ไม่ใช่เป็นข้อมูลที่สำคัญที่สุดเท่านั้น  แต่ยังเป็นบทสรุปส่งท้ายที่เหมาะสมอีกด้วย  ขณะที่มันช่างน่าเศร้าที่นักลงทุนจำนวนมากมักจะพลาดผลตอบแทนของตลาดที่เกิดจากกลยุทธ์การลงทุนแบบซื้อขายน้อยครั้งอย่างน่าเสียดายแล้ว  ความเศร้าอันใหญ่หลวงของแท้ก็คือ พวกเขายังพลาดสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตสำหรับการแสวงหาสิ่งที่ผมเรียกว่า “สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งผลประกอบการที่ยอดเยี่ยม” ด้วย  ความปรารถนาของผมเปี่ยมด้วยความหวังว่า  กฏการลงทุนเหล่านี้จะนำพาคุณไปสู่เกมแห่งผู้ชนะทั้งในการลงทุนและที่สำคัญกว่านั้นคือ….  ในชีวิตของคุณ